One​ Piece​ x Bleach | The King​ of Hueco Mundo - นิยาย One​ Piece​ x Bleach | The King​ of Hueco Mundo : Dek-D.com - Writer
×

    One​ Piece​ x Bleach | The King​ of Hueco Mundo

    เป็น​เรื่องราวของเด็กหนุ่ม​คนนึง​ที่ตัดสินใจไปอยู่ที่โลกวันพีช​ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นโจรสลัดหรือคนที่แกร่ง​ที่สุดในโลกอะไรทั้งนั้น​ เขาแค่อยากสนุก​ มีอิสระ​และสะดวกสบาย​(ขี้เกียจ)​ไปวันๆเท่านั

    ผู้เข้าชมรวม

    2,207

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    29

    ผู้เข้าชมรวม


    2.2K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    56
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ค. 62 / 11:26 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



     



    ผลปีศาจ (Devil Fruit)​
              ผลไม้ปีศาจมีลักษณะเป็นที่มีลายก้นหอย พระเจ้าเป็นคนสร้าง โดยเป็นร่างแปลงของปีศาจแห่งท้องทะเลจึงโดนพระเจ้าขับไล่ ผลไม้ที่จะให้พลังพิเศษกับผู้ที่กิน โดยพลังต่างๆ จะเป็นพลังที่แปลกประหลาด ซึ่งผลปีศาจแต่ละชนิดนั้นจะมีเพียง 1 ผลต่อ 1 ชนิดเท่านั้น ใครที่กินคำแรกเข้าไปก็จะได้พลังทันที จากนั้นถ้าใครไปกินต่อก็จะไม่ได้พลัง แต่ขณะเดียวกันต้องแลกกับการที่ไม่สามารถว่ายน้ำได้ตลอดชีวิต กับต่อให้ตกทะเลหรือน้ำก็ไม่มีทางลอยขึ้นมาได้มีแต่จมอย่างเดียว หากกินเข้าไปมากกว่า 1 ผล ร่างกายของผู้ใช้จะระเบิดจนเสียชีวิต เพราะร่างกายของคนที่กินผลปีศาจเข้าไปรับภาระของผลแรกได้เท่านั้น ถ้าเกิดกินผลที่ 2 เข้าไป จะทำให้เกิดมีปีศาจในตัวถึง 2 ตัวก็ต่อสู้กันเองโดยร่างกายของผู้ใช้จะรับไม่ไหวกับเสียชีวิต จึงเป็นความเสี่ยงที่มาก แต่ในกรณีที่ใครมีโครงสร้างร่างกายผิดปกติจะสามารถรับภาระของผลปีศาจผลที่ 2 ได้ โดยหลักการกินของผลปีศาจคือคนที่กินคำแรก ก็จะได้พลังมา แล้วใครมากินต่อไม่ได้รับผลอะไร ถ้าผู้กินตายหรือผลปีศาจถูกทำลายจะไปเกิดใหม่ที่ไหนสักแห่งบนโลก โดยจะไปเกิดใหม่จากผลไม่ธรรมดาแปรสภาพเป็นผลปีศาจ ตามกฏใครพบเจอจะเป็นเจ้าของ คนที่เป็นเจ้าของมีสิทธิจะทำอะไรกับผลปีศาจก็ได้ แต่ในกรณีถูกชิงผลปีศาจจะได้เจ้าของคนใหม่ หรือส่งต่อผ่านมือ มีคนออกเรือทั้งชีวิตเพื่อหาผลปีศาจแค่ผลเดียว แต่ก็ล้มเหลว เพราะเป็นสิ่งที่หากันยากมาก ผลปีศาจแค่ผลเดียวเอาไปขาย แค่ผลเดียวมีมูลค่าถึง 100 ล้านเบรี แต่ถ้ารู้​ว่าเป็นผลที่มีพลังอะไรก่อนจะกิน ราคายิ่งสูงขึ้นกว่าเดิม โดยผลปีศาจแบ่งออกเป็น 3 สายคือ
              1.โรเกีย สายพลังธรรมชาติ ผู้ที่กินเข้าไปร่างกายจะสามารถกลายเป็นสสารนั้นๆ และไม่สามารถบุบสลาย เช่นกลายเป็นไฟ หรือกลายเป็นสายฟ้าเป็นผลปีศาจที่ต้องใช้ฮาคิหรือสสารอื่น ถึงจะโจมตีได้โดยแม้เป็นสายโรเกีย
              2.พารามิเซีย สายพลังเหนือมนุษย์ เช่น ร่างกาย แยกร่างเป็นส่วนได้ ร่างกายเป็นยางยืดได้ เป็นต้น
              3.โซออน สายพลังสัตว์ นอกจากนั้นยังเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์นั้นๆได้อีกด้วย มีพลังในการเพิ่มพลังให้ผู้ใช้เมื่อเปลี่ยนเป็นสัตว์ และสามารถใช้ความสามารถพิเศษของสัตว์ได้ ผู้ที่กินไปจะสามารถแปลงร่างได้ 3 ระดับคือ ร่างคน ร่างกึ่งคนกึ่งสัตว์และร่างสัตว์

    ฮาคิ
              ฮาคินั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ คือ ฮาคิแห่งสังเกต และ ฮาคิเสริมกำลัง แต่จะมีฮาคิอีกประเภทที่ มีเฉพาะคนที่ถูกเลือกเท่านั้นที่สามารถใช้ได้เรียกว่า ฮาคิราชันย์
              1.ฮาคิการสังเกต (Kenbunshoku Haki)
              เค็นบุนโชคุฮาคิ คุณสมบัติแห่งการสังเกต ผู้ใช้ฮาคิชนิดนี้ได้อย่างชำนาญจะสามารถรับรู้ถึงตำแหน่งและอ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้าของศัตรูในช่วงสั้นได้โดยไม่ต้องมองทำให้หลบหลีกการโจมตีของศัตรูได้อย่างง่ายดาย ภาพที่ปรากฏให้ผู้ใช้ฮาคิเห็นจะออกมาในรูปนิมิตที่ถึงผลลัพธ์ของการโจมตีเหมือนกับการพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น
              2.ฮาคิเสริมกำลัง​ (Busoshoku Haki)​
              บุโซโชคุฮาคิ  คุณสมบัติแห่งเกราะ เป็นฮาคิของคุณสมบัติของบรรดานักสู้ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโจมตีและการป้องกันที่แข็งแกร่ง  ผู้ใช้ฮาคิคุณสมบัติแห่งเกราะจะสร้างเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นขึ้นมาต้านการโจมตีจากศัตรู ในทางกลับกันการใช้ฮาคิชนิดนี้จะช่วยเพิ่มพลังการโจมตีที่รุนแรงโดยสามารถใช้ผสานกับอาวุธหรือพลังจากผลปิศาจแต่กว่าจะใช้ได้ผู้ใช้ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเจียนตายเลยทีเดียว
              3.ฮาคิราชันย์​ (Haoshoku Haki)​
              ฮาโอโชคุฮาคิ คุณสมบัติแห่งราชันย์ เป็นพลังชนิดเดียวที่ไม่สามารถฝึกฝนกันได้ พลังดังกล่าวมาจากจิตใจที่แข็งแกร่งและมีเพียงผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้นที่จะสามารถใช้ฮาคิชนิดนี้ได้ ลักษณะของฮาคิแห่งราชันย์ผู้ใช้จะสามารถปล่อยจิตคุกคามหรือจิตสังหารในระดับรุนแรงออกมาจนทำให้ศัตรูที่จิตอ่อนหมดสติไปทันทีหรือหากเป็นศัตรูที่มีจิตแข็งแกร่งพอก็จะตะลึงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

    รูปแบบทั้ง 6
              1.กายากระดาษ(Paper Drawing)
                คามิเอะ (Kami-e) การเคลื่อนไหวร่างกายให้พลิ้วไหวไปตมแรงเหวี่ยงเหมือนกระดาษจากการโจมตีจากศัตรูหรือรับการโจมตีที่รุนแรงของศัตรูให้กลายเป็นศูนย์
              2.กายาเหล็ก(Iron Body)
                เทคไค (Tekkai) การใช้ร่างกายที่เกิดจากการฝึกกล้ามเนื้อให้หลอมรวมเป็นความร้อนอัดแน่นจนแข็งแกร่งเท่ากับเกราะเหล็กรองรับการโจมตีโดยตรงจากศัตรู
              3.ดัชนีพิฆาต(Finger Gun)
                ชิกัน (Shigan) การใช้นิ้วที่แข็งแกร่งเจาะทะลวงร่างกายหรือวัตถุที่มีความแข็งจนทะลุแต่ไม่สามารถใช้กับสิ่งที่ยืดหยุ่นเช่นยางของลูฟี่ได้โดยตรงนอกจากจะผสานเข้ากับฮาคิคุณสมบัติแห่งเกราะ
              4.เท้าวายุ (Storm Leg)
                รันเฮียคุ (Rankyaku) การใช้ขาที่แข็งแกร่งเตะเฉือนอากาศอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นลมที่มีความคมกริบเหมือนใบมีดขนาดใหญ่ที่สามารถผ่ากำแพงอิฐให้ขาดได้
              5.โซล (Shave)
                โซล (Soru) การวิ่งเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเพื่อใช้หลบหรือเข้าโจมตีศัตรูจนดูเหมือนกับผู้ใช้วิชาหายตัวได้ ความเร็วในการใช้ท่าโซลจะเหมือนกับเกียร์สองของลูฟี่
              6.เดินชมจันทร์ (Moon Step)
                เก็ปโป (Geppo) การเดินเหยียบไปบนอากาศได้อย่างอิสระโดยไม่มีอะไรรองรับ เป็นท่าที่ผู้ใช้ต้องมีกำลังขาเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาเพื่อระเบิดพลังขาทำให้เหยียบอากาศลอยขึ้นไปบนฟ้าหรือวิ่งใต้ทะเลได้

    ยศทหารเรือ
    จอมพลเรือ​ 
    พลเรือเอก​ พลเรือโท​ พลเรือตรี​ พลเรือจัตวา​
    นาวาเอก​ นาวาโท​ นาวาตรี​
    เรือเอก​ เรือโท​ เรือตรี​
    พันจ่าเอก​ จ่าเอก​ จ่าโท​ จ่าตรี​
    พลทหาร​
    พลทหาร​ฝึก​หัด

    ควินซี่
              หนึ่งในมนุษย์เพียงเล็กน้อยที่สามารถดึง "อณูวิญญาณ" เพื่อรวบรวมมาเป็นพลังงาน เนื่องจากยังเป็นมนุษย์ที่มีพลังวิญญาณไม่เพียงพอ ดังนั้นความแข็งแกร่ง ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ ยิ่งอยู่ในพื้นที่ ที่มีอณูวิญญาณหนาแน่นมากเท่าใดก็จะสามารถใช้ได้มากเท่านั้น

    อุปกรณ์รวบรวมอณูวิญญาณ
              ธนูอณูวิญญาณ นำมาใช้ เป็นเครื่องรวบรวม แบบหนึ่ง โดยนำอณูวิญญาณมาทำเป็น ลูกศร
              เซเล่ ชไนเดอร์​ (Sele Schneider)​ ดาบอณูวิญญาณ เป็นโลหะวิญญาณ สามารถสั่นอณูวิญญาณเพื่อเพิ่มความคมของดาบได้ และสามารถคงสภาพที่ได้นานมากดีกว่าการรวมลง ธนูอณูวิญญาณ โลหะแบนยาวมีห่วงที่ปลาย เป็นอุปกรณ์รวบรวมพลังกดดันวิญญาณ เมื่อมองเผินๆ เหมือนกับเป็นด้ามดาบที่มีพลังวิญญาณเป็นใบดาบ แต่แท้จริงแล้วมันคือ "ลูกศร" ชนิดหนึ่งที่มีพลังสูงกว่าลูกศรอณูวิญญาณทั่วไป
              สเปรนเจอร์​ (Sprenger)​ เป็นการวาดดาวห้าแฉกโดยใช้การประสานของ ซีเล่ ชไนเดอร์กับหลอดเงินทำลายทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีของมัน ที่ปลายด้ามของซีเล่ ชไนเดอร์จะรวบรวมประจุวิญญาณที่ศัตรูปล่อยออกมาระหว่างการต่อสู้ และสามารถให้มันดูดกลืนพลังที่เก็บไว้และสร้างขอบเขตขึ้นมา และใช้มันวาดออกมาเป็นควินซี่ ไซเชน และขั้นตอนสุดท้ายก็ใช้พลังวิญญาณที่สะสมอยู่ในหลอดเงินเพื่อเป็นตัวจุด ระเบิด และมันมีพลังมหาศาลมากที่สุด

    การเคลื่อนกาย
              เหยียบเวหา เป็นท่าก้าวความเร็วสูง คล้ายกับก้าวพริบตาของยมทูต

    ฮอลโลว์ (Hollow)
              ฮอลโลว์คือวิญญาณที่โซ่กรรมขาดทำให้เกิดการกัดกินจน หน้าอกเป็นรู ในที่สุดก็จะกลายร่างเป็นอสูรกาย ฮอลโลว์ทุกตนจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกตัวจะสวมหน้ากากไว้เพื่อปิดบังใบหน้าของตนและหน้ากากจะป้องกันสันดานดิบหรือนิสัยเก่าก่อนที่จะเป็นฮอลโลว์ เหล่าฮอลโลว์จะกินวิญญาณธรรมดาและวิญญาณของคนที่มีพลังวิญญาณสูง​ ซึ่งทำได้แม้แต่การฆ่าคนเพื่อเอาวิญญาณมาดับความหิวกระหาย ไม่ก็ดับความทรมาณของตนเอง โดยเหล่าฮอลโลว์แม้คนธรรมดาจะมองไม่เห็น แต่ก็มีตัวตนสัมผัสได้ ฮอลโลว์ที่มีแรงดันวิญญาณสูงจะถูกเรียกว่า "เมนอส" ซึ่งในหมู่เมนอสเองแล้ว ก็สามารถแบ่งได้อีก 3 ประเภทเช่นกัน คือ
              1. กิลเลียน (Gillian) เมนอสที่พวกอิจิโกะเรียกกันว่า "เมนอสกรังเด้" นั้นแท้จริงแล้วคือพวก "กิลเลียน" เป็นเมนอสชั้นต่ำที่สุด ร่างใหญ่ เคลื่อนไหวช้า มีปัญญาราวกับสัตว์ป่าเท่านั้น
              2. แอดจูคาส (Adjuchas )เมนอสที่มีขนาดเล็กกว่ากิลเลียน มักเป็นผู้นำฝูงของกิลเลียน และมีขนาดเล็กกว่า ฉลาดกว่า
              3. วาสโทรเด้ (Vasto Lorde) เมนอสชั้นสูงสุด มีขนาดเท่ากับมนุษย์ มีจำนวนน้อย รวมทั้งหมดในฮูเอโก้ มุนเด้ มีอยู่ไม่กี่ตนเท่านั้น ว่ากันว่า ความสามารถของวาสโทรเด้นั้นมีมากกว่าหัวหน้าหน่วยของหน่วยของยมทูตเสียอีก 

    ฮูเอโกมุนโด้ (Hueco Mundo)
              ภาษาสเปนแปลว่า โลกที่ว่างเปล่า ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ขอบเขตว่างเปล่า​ เป็นสถานที่อยู่อาศัยของ ฮอลโลว์ และ อารันคาร์ เต็มไปด้วยทะเลทรายสีขาวไม่มีที่สิ้นสุดครอบคลุมพื้นดินวัตถุต้นไม้ ต้นไม้ไม่มีชีวิต ไม่มีใบไม้เลย​ ภูมิทัศน์ของ ฮูเอโกมุนโด้ เป็นทะเลทรายสีขาวที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดด้วยความหลากหลายของเนินทรายที่เกลื่อนไปด้วยก้อนหิน ใน ฮูเอโกมุนโด้ เต็มไปด้วยอณูวิญญาณความเข้มข้นสูงของจึงช่วยให้ ฮอลโลว์ ขนาดเล็กได้รับสารอาหาร
    สถานที่สำคัญ ใน ฮูเอโกมุนโด้ มีดังนี้
              1.ลาส์นอเช่ เป็นอาคารขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยโดม ปกครองโดย บารากัน ลุยเซนบาร์น ราชาแห่ง ฮูเอโกมุนโด้ ต่อมาเป็นสถานที่ของ ไอเซ็น
              2.ป่าเมนอส เป็นป่าขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยเมนอสจำนวนมาก
              3.ซากปรักหักพังเนกัล ในภาคสงครามเลือดพันปี เป็นสถานที่ที่ อุราฮาร่า มาเก็บตัวกับ แช้ด และ โอริฮิเมะ

    อารันคาร์ (Arrancar)
              ภาษาสเปนแปลว่า ฉีกออก ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า หน้ากากที่ถูกฉีกออก​ คือเหล่าฮอลโล่ว์ที่ถอดหน้ากากและได้รับพลังยมทูต กลายเป็นฮอลโลว์ที่มีทั้งความสามารถของทั้งฮอลโลว์และยมทูต เหล่าอารันคาร์จะมีหน้ากากที่ถอดออกไปส่วนหนึ่งทำให้เห็นใบหน้าที่แท้ จริงใน ระดับหนึ่ง และจะอยู่ในร่างที่เกือบจะเป็นมนุษย์ (แต่จะเป็นร่างมนุษย์แบบสมบูรณ์ถ้าเป็นร่างแปลงของฮอลโลว์ระดับสูง) และยังคงมีรูกลวงตรงกลางอยู่เช่นเดิม เหล่าอารันคาร์จะสวมชุดเสื้อคลุมสีขาว และจะมีดาบฟันวิญญาณเช่นเดียวกับยมทูต การปลดปล่อยดาบของอารันคาร์จะไม่ใช่การเปลี่ยนอาวุธชิ้นหนึ่งเป็นอีกแบบ หนึ่ง แต่ดาบฟันวิญญาณของอารันคาร์ก็คือแก่นแห่งพลังของอารันคาร์ตนนั้น เมื่อปลดปล่อย อารันคาร์จะกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงและมีพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายสิบเท่า เรียกว่า Resurrection สำหรับเผ่าอารันคาร์ อ.คุโบ เลือกที่จะให้ชื่อและชื่อของดาบฟันวิญญาณเป็นภาษาสเปน (แม้แต่เพลงประกอบในอะนิเมะก็เลือกใช้ดนตรีในสไตล์สเปนหรือลาตินอเมริกา) เดิมที อารันคาร์มีจำนวนน้อยแต่เดิม และเป็นร่างที่ไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อได้รับพลังจากโฮเงียวคุของไอเซ็น อารันคาร์จึงพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด จนถึงระดับสมบูรณ์แบบ แต่จากเนื้อเรื่องปัจจุบัน ยังไม่มีอารันคาร์ที่สมบูรณ์แบบเลยยกเว้น วอนเดอร์ไวซ์ ที่เกิดจากโฮเงียคุที่มีพลังเต็มร้อย
    สิ่งที่แตกต่างกันของอารันคาร์ มีดังนี้
              1.รูกลวง อารันคาร์แต่ละคนจะมีรูกลวง เหมือนตอนยังเป็นฮอลโลว์ อยู่ทุกคนแต่ตำแหน่งของรูกลวงต่างกัน เช่น อุคิโอล่าอยู่ตรงอก แต่นอยโทร่าอยู่ตรงตา
              2.รูปร่าง อารันคาร์บางคนมีชิ้นส่วนของตอนเป็นฮอลโลว์แตกต่างกัน บางคนมีเหลือน้อยมาก
              3.เอสติกม่า ลวดลายบนใบหน้าของอารันคาร์ เป็นไปได้ว่าเป็นส่วนที่เหลือของหน้ากากและเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละตน บางตนลวดลายอาจจะปรากฏเฉพาะตอนรีเซอร์เรคชั่น


    พลังและความสามารถของอารันคาร์
              1.บาร่า (Bara,Bala) ภาษาสเปนแปลว่า กระสุน ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า กระสุนฮอลโลว์ การปล่อยกระสุนพลังวิญญาณจำนวนมากจากมือ ส่วนมากเป็นสีแดง พลังไม่เท่าซีโร่ แต่ยิงติดต่อได้มากกว่า 20 ครั้ง​ พลังและความเร็วโดยรวมของบาร่าขึ้นอยู่กับการใช้งานของอารันคาร์แต่ละคน
              2.ซีโร่ (Sero,Cero) ภาษาสเปนแปลว่า ศูนย์ ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ลำแสงฮอลโลว์​ ​เป็น​พลังพื้นฐานของอารันคาร์ โดยเป็น​ลำแสงพลังทำลายล้างสูง และระยะทางไกล​ โดยที่ซีโร่จะ​มีสีแดงเข้ม​ ม่วงแดงเข้ม​ คราม​ ส้ม​เขียว​ เขียวมะนาว​ เหลือง​ ฟ้า​ น้ำเงิน​ ม่วง​ ชมพูและสีดำ
              3.เดสโคเลอร์ (Descorrer) ใช้ในการเปิดการ์กันต้าที่อยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับฮูเอโกมุนโด้
              4.ฮิเอโร่ (Hierro) ภาษาสเปนแปลว่า เหล็ก ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ผิวเหล็กกล้า​ ผิวนอกของอารันคาร์ แข็งมาก เปรียบเสมือนเกราะ
              5.การคืนสภาพขั้นสูงสุด (Chousoku Saisei) การคืนสภาพอวัยวะต่างๆของอารันคาร์ ด้วยความเร็วสูง ยกเว้นสมองและอวัยวะภายใน
              6.เพสควิส(Pesquisa) ภาษาสเปนแปลว่า การสืบสวน ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า วงจรสืบหา​ ความสามารถของอารันคาร์ ใช้วัดขนาดและหาตำแหน่งแรงดันวิญญาณของศัตรู
              7.รีเซอร์เรคชั่น (Resurrección) ภาษาสเปนแปลว่า การฟื้นคืน ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ดาบหวนคืน​ แก่นแท้ความสามารถของอารันคาร์จะถูกผนึกอยู่ในรูปลักษณ์ของดาบฟันวิญญาณ​ เมื่ออารันคาร์รีเซอร์เรคชั่น ดาบฟันวิญญาณจะกลายเป็นร่างเนื้อ ทำให้อารันคาร์คืนร่างฮอลโลว์ดั้งเดิม และมีพลังเพิ่มขึ้น​ ส่วนใหญ่หลังจากรีเซอร์เรคชั่น รูปร่างจะใกล้เคียงฮอลโลว์มากกว่ามนุษย์
              8.โซนีดโด้ (Sonīdo) การเคลื่อนที่ที่เพิ่มความเร็วของอารันคาร์ เที่ยบเท่า ก้าวพริบตา ของยมทูต
              9.คาจา เนกาเชี่ยน (Caja Negación) เป็นการสร้างกล่องดำเล็ก แล้วใส่เข้าไปในรูกลวงของอารันคาร์ใต้บังคับบัญชา ทำให้อารันคาร์ที่ โดนจะเข้าไปอยู่ในอีกมิตินึงซึ่งไม่มีทางออกและจะอยู่ในมิตินั้นไปตลอดกาล พลังนี้สามารถใช้กับเอสปาด้าได้แต่จะขังไว้ในมิตินั้นได้ไม่นานก็หลุดมาแล้ว เดิมทีเอสปาด้าเอาไว้ใช้ลงโทษลูกน้อง
              10.กรังเรย์ ซีโร่ (Gran Rey Cero) เป็นพลังซีโร่ขนาดใหญ่ ที่มีพลังต่างจากซีโร่ธรรมดามาก

    ดาบฟันวิญญาณ
              เกิดจากแรงดันวิญญานของแต่ละคนมีความคมและรูปลักษณะที่แตกต่างกัน ตามความสามารถของผู้ที่สร้างขึ้นมา สามารถหลอมและแก้ไขได้หากเกิดความเสียหาย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่าง จากผู้สร้างไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนรูปร่างด้วยการเรียกชื่อหรือเพิ่มเติมแรงดันวิญญาณลงไป มีลำดับโดยรวมดังนี้
              1.ซัมปาคุโต (Zanpatou) เป็นดาบที่ถูกสร้างจากความสามารถของแรงดันวิญญาณของเจ้าของ เกิดขึ้นเมือเข้ามาในโลกของ โซลโซไซตี้ รูปร่างเป็นดาบ คะตะนะ ความสั้นยาวความคมไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีชื่อเหมือนกันหรือลักษณะเหมือนกันจะมีความแตกต่างกันแน่นอน
              2.ชิไค (Shikai) เป็นการปลดปล่อยด้วยเงื่อนไขหลายประการ เช่น เรียกชื่อที่ถูกต้อง มีแรงดันวิญญาณเพียงพอ ใช้งานในท่าบังคับ หรือ อื่นๆ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธาตุทั้ง 4 หรือ ดารา 8 ก้าว โดยจะเปลี่ยนไปเป็นดาบแบบอื่นหรือเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ดาบ เช่น แสง ความร้อน ความเย็น เป็นต้น แต่ยังสามารถใช้งานได้ตามสิ่งที่มีในธรรมชาติเท่านั้น
              3.บังไค (Bankai) 'ปลดปล่อยสวัสดิกะ' หมายความถึงการเปลี่ยนแปลงไปยังสิ่งที่ไม่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น สิ่งมีชีวิตอื่นๆนอกจากสิ่งที่มีบนโลก ความหนาวเย็น ความสามารถในการโยกย้ายหรือ แม้แต่กลายเป็น ผงฝุ่น เป็นดอกไม้เหล็ก เส้นลวด หรือ สามารถสร้างหุ่นเชิดขนาดใหญ่ออกมาได้ ถือได้ว่า เป็นพลังอันเกินธรรมชาติ จน เหนือธรรมชาติ

    วิถีมาร
    ดาบฟันวิญญาณสายวิถีมาร คิโด เป็นดาบประเภททางการควบคุมประสาททั้งหลายและการโจมตีทางการใช้เสียง แสดง แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท
              1.วิถีทำลาย (ฮาโด)
              2.วิถีพันธนาการ (บาคุโด) คือดาบที่สามารถใช้ความสามารถในการเหนี่ยวรั้ง ตรึงการเคลื่อนไหว สะกดการเคลื่อนไหว สะกดประสาทสัมผัสของคู่ต่อสู้ เช่น เคียวขะซุยเงสึ (ไอเซ็น) รุริอิโระ คุจาคุ (ยูมิจิกะ) ซาคานาเดะ (ฮิราโกะ) ซึซึมุชิ (โทเซ็น) คินซาละ (โรส) มุรามาสะ(โคกะ) มินาสึกิ(อุโนะฮานะ)
              3.สายพิเศษ สายพลังรักษาอาการบาดเจ็บ เช่น มินาซึกิ (อุโนะฮานะ เร็ตสึ) ฮิซาโกะมารุ (ฮานะทาโร่)

    โจมตีตามธาตุ
              เป็นสายที่มีอานุภาพมากที่สุด เนื่องจากนำพลังจากธรรมชาติมาเป็นความสามารถของตนเองได้สูงที่สุด และมีพลังเกื้อกูลกันตามธาตุ
              สายไฟ เช่น ริวจินจักกะ (ยามาโมโตะ) เท็นกูมารุ (เลิฟ) และ ริวกะ (อามาไก)
              สายน้ำแข็ง เช่น เฮียวรินมารุ (ฮิซึกายะ,คุซากะ โซจิโร่(เดอะมูฟวี่)) และ โซเดะโนะชิรายูกิ (ลูเคีย)
              สายลม เช่น ทาจิคาเสะ (เคนเซย์) คาเสะชินิ (ฮิซางิ)
              สายน้ำ เช่น เนจิบานะ (ไคเอ็น)
              สายมนุษย์ คือสายที่มีคุณสมบัติเช่นทำให้ประสาทสัมผัสด้านชา หรือผสานรวมกับร่างกายผู้ใช้ เช่น อะชิโซงิจิโซ (มายูริ) ซึซึเมะบาจิ (ซุยฟง) ดาบฟันวิญญาณของอารันคาร์
              สายทมิฬ เช่น เท็นสะ ซันเงสึ (อิจิโกะ) เรียวกะ เอ็นเงสึ (อิชชิน)

    โยกย้ายร่าง
              ก้าวพริบตา (Shunpo)
              การต่อสู้ด้วยมือเปล่า (Hakuda)

    ผสานแรงดันวิญญาณ
              วีธีนี้เป็นการสร้างจากวิถีมาร (Kidou) กับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า (Hakuda) มาผสมกัน
    ยุทธพริบตาหรือชุนโค(Shunko)
              อันมีลักษณะคล้ายใช้พลังของวิถีมารผสานไปกับกระบวนท่าต่อสู้ ซึ่งคิดค้นโดย ชิโฮอิน โยรุอิจิ ภายหลัง ซุยฟง ได้คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาเช่นกันแต่ไม่มีพลังเทียบเท่าของชิโฮอิน โยรุอิจิ

    ฯลฯ






        

    อากาอิ ชูอิจิ , โอกิยะ สึบารุ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น